C363 เหรียญพระกระสิน หลวงพ่อพัฒน์ วัดใหม่พัฒนาราม

หลวงพ่อพัฒน์ นารโท รุ่น 111 ปีวัดพัฒนาราม รายได้เป้นทุนก่อสร้างต่อเติมมณฑปหลวงพ่อพัฒน์ ซึ่งท่านเป็นเกจิอาจารย์ดังของเมืองสุราษฎร์ ที่ทรงอภิญญาเพราะมรณภาพในท่านั่ง

วัดพัฒนารามฉลองพระอารามหลวง-ครบ 111 ปี

++ สร้างวัตถุมงคลดัง-ขลัง-ดี "หลวงพ่อพัฒน์ นารโท"

เนื่องด้วยในปีมหามงคล พ.ศ.2549 มหาเถรสมาคมได้มีมติเห็นชอบให้ยกฐานะวัดราษฎร์ขึ้นเป็นพระอารามหลวงทั่วประเทศจำนวน 12 แห่ง เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสที่พระบาทมสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี โดยภาคใต้มีเพียง 2 วัดที่ได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวงคือ วัดพัฒนาราม ต.ตลาด อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี และวัดกะพังสุรินทร์ จ.ตรัง โดยวัดพัฒนารามได้รับประกาศจากสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติให้ยกฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.2549 และได้รับประกาศในราชกิจจานุเบกษาฉบับทั่วไป เล่ม 123 ตอนที่ 96ง วันที่ 19 ก.ย. 2549 ต่อมาวันที่ 23 ก.ย. พระศรีปริยัตยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดพัฒนาราม ได้รับมอบใบประกาศจาก พระพรหมจริยาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนใต้ (มรณภาพเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2549) ณ วัดเบญจมบพิตร กรุงเทพฯ และมีการจัดพิธีรับประกาศพร้อมแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาส ณ ศาลาการเปรียญวัดพัฒนาราม โดยมี พระเทพพิพัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดท่าไทร และเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 30 ก.ย.2549

ความเป็นมาของวัดพัฒนาราม เริ่มสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2439 โดยหลวงพ่อพัฒน์ นารโท เป็น ผู้ชักชวนชาวบ้านหักร้างถางพง ที่บริเวณวัดเดิมเป็นป่าทึบ เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด อาทิ เสือ หมี ค่าง และงูพิษ จนไม่มีใครกล้าเข้าไปอยู่อาศัย แต่ท่านก็สามารถก่อสร้างกุฏิที่พักสงฆ์ โรงอุโบสถ ศาลาการเปรียญ หอฉัน ในเนื้อที่ 29 ไร่ 3 งาน 10 วา สำเร็จขึ้นได้ และได้ผูกพัทธสีมาในปี พ.ศ.2444 วัดนี้ ตั้งอยู่ในตำบลตลาด อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ชาวบ้านเรียกชื่อวัดนี้ 2 ชื่อ คือ "วัดใหม่" เนื่องจากเป็นวัดที่สร้างขึ้นหลังวัดอื่นๆ ในย่านตลาดเมืองสุราษฎร์ธานี และคำว่า "วัดใหม่" หลวงพ่อพัฒน์ได้จารึกหลังพระกสิณ ซึ่งท่านได้สร้างขึ้นราว พ.ศ2467 ปัจจุบันเป็นของหายากอย่างยิ่งและอีกชื่อเรียกว่า "วัดพัฒนาราม" ตั้งขึ้นหลังจากหลวงพ่อพัฒน์ได้มรณภาพแล้ว เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ท่าน ที่เป็นผู้สร้างวัดนี้ วัดนี้ปรากฏหลักฐานตามศิลาจารึก ซึ่งหลวงพ่อพัฒน์ได้จัดทำไว้ดังต่อไปนี้

"พระพุทธศักราชล่วงแล้ว ๒๔๔๐ พรรษา ปีวอก อัฏฐศก เดือน ๖ ท่านเจ้าอธิการพัฒน์ นารทะ ได้ชักชวนท่านผู้มีจิตศรัทธา คิดก่อสร้างอารามนี้เมื่อปีจอ สัมฤทธิศก เดือน ๖ ได้ยกอุโบสถจนสำเร็จครั้นถึงปีฉลู ตรีศก เดือน ๖ แรม ๑๔ ค่ำ พระพุทธศาสนาล่วงแล้วได้ ๒๔๔๔ ได้ผูกพัทธสีมาสำเร็จบริบูรณ์ แม่ศิลา พร้อมด้วยแม่แก้ว ลูกสะใภ้พระยาวาจี (ซำ) ชาวเมืองชุมพรได้ถวายช้างพลายคอม ๑ เชือก เป็นพาหนะสำหรับอารามนี้ รวมกันสร้างอุโบสถนี้ คิดเป็นเงินตรา ๑๐,๐๐๐ เศษ ขอกุศลที่เกิดจากผลก่อสร้างนี้ จงเป็นผลสำเร็จแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายและพระมหากษัตริย์ผู้ได้ทรงบำรุงพระพุทธศาสนาให้ถาวร และบิดามารดา และหมู่ญาติของข้าพเจ้าทั้งหลายผู้ละโลกนี้ไปแล้วทั้งประชุมชน พร้อมทั้งฝ่ายสมณะและคฤหัสถ์ผู้จะได้ปฏิสังขรณ์และก่อสร้างขึ้นใหม่ต่อไป ณ ภายหลังขอ เป็นอุปนิสัยปัจจัยแด่พระนิพพานในอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้นเทอญ...

เดิมวัดพัฒนารามเป็นที่ประกอบพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาของทางราชการ ตั้งแต่วัดเริ่มสร้างเสร็จมาจนถึง พ.ศ.2475 เปลี่ยนแปลงการปกครองจึงได้ยกเลิกไป หากนับอายุของวัดตั้งแต่เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.2439 จนถึงปี พ.ศ.2550 รวมเป็นเวลา 111 ปี ถาวรวัตถุสำคัญของวัดพัฒนารามสิ่งหนึ่งคือ มณฑปประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อพัฒน์ ผู้สร้างวัดและอดีตเกจิอาจารย์ดัง ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือบูชากราบไหว้ของคนทั่วไป ทั้งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และประชาชนในจังหวัดใกล้เคียง ปัจจุบันนี้เริ่มมีสภาพชำรุดทรุดโทรมเพราะผ่านการสร้างมานานเกือบ 70 ปี พระศรีปริยัตยาภรณ์ เจ้าอาวาสจึงมีแนวคิดที่จะบูรณปฏิสังขรณ์ โดยต่อเติมอาคารบางส่วน เพื่อรองรับประชาชนในท้องถิ่นและผู้มีจิตศรัทธาจากที่ต่างๆ ได้เข้ามาสักการบูชากราบไหว้ หรือนำสิ่งของมาแก้บน รวมทั้งการต่อเติมชายคารอบมณฑปให้ดูสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย

ในการนี้ ต้องใช้เงินทุนดำเนินการจำนวนกว่า 7 ล้านบาท ทางวัดจึงได้จัดสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อพัฒน์ นารโท "รุ่น 111 ปีวัดพัฒนาราม" พระอารามหลวง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระลึกถึงการยกฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ และมีอายุครบ 111 ปี ในปีพ.ศ. 2550 เพื่อนำรายได้สบทบทุนบูรณปฏิสังขรณ์มณฑปหลวงพ่อพัฒน์ นารโท และเพื่อเป็นทุนการศึกษาของพระภิกษุสามเณร

กำหนดพิธีเททองปฐมฤกษ์ในวันที่ 2 ก.พ.2550 เริ่มเวลา 13.00 น. พระสงฆ์เจริญพุทธมนต์ เวลา 13.59 น. พิธีเททอง พระเกจิคณาจารย์นั่งปรกประจำทิศ หลังจากนั้นจะประกอบพิธีพุทธาภิเษกในวันที่ 22 มี.ค. 2550 โดยพระเกจิสายใต้สายเขาอ้อ 52 รูป ณ มณฑลพิธีวัดพัฒนาราม